วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าเท่าที่จำได้ : บทที่ 2 - แม่กลัวหนูจะเปลี่ยนใจ


ตอนนี้ จขบ ขึ้นชั้นคลินิคเป็นปีที่ 2 แล้วค่ะปีที่แล้วเป็นปีที่เหนื่อย แต่ก็ได้เจอเรื่องดีๆเยอะอยากจะเขียนเอาไว้ กลัวว่าพอแก่ไป กล้วจะลืมเรื่องราว ของ "คุณครู" ทุกคนไป
จะไม่มีการเขียน identity คนไข้ค่ะ แต่ว่า จะว่าไป จขบ ก็ไม่แม่นเรื่องข้อบังคับ จรรยาบรรณอะไรเท่าไหร่
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ ขอคำแนะนำจากพี่ๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ :)


-----------------


เคสแรกไม่ได้เอาไปเขียนรายงานค่ะ ยากเกินไป มันดูเป็นเคสบูรณาการกับศัลยกรรมพลาสติกเหลือเกิน -..-


เคสที่สองที่ได้รับบน ward orthopedic
เคสแรกที่เขียนรายงาน

เคสนี้เป็นเคสผู้ป่วยเด็กหญิง อายุประมาณ 12 ปี 
จำภูมิลำเนาไม่ได้ค่ะ

ประวัติจากแฟ้มประวัติ

เคสนี้เดิมน้องมาด้วยก้อนที่ต้นแขนข้างซ้าย 2-3 ปีก่อนมาโรงพยาบาล
ตอนแรกก้อนขนาดไม่ใหญ่
ผล x-ray ออกมาก็เห็น sign หลายอย่าง ทั้ง osteolytic lesion, sunburst-sunray, cotman's triangle
วินิจฉัยเป็น osteosarcoma ( มะเร็งกระดูก)
การรักษาที่แพทย์แนะนำตอนนั้นคือ amputate (ตัดแขน)

คนไข้ปฏิเสธการรักษา ขอกลับบ้าน

อ่านประวัติจบ เข้าไปคุยกับคนไข้ต่อ
เคสนี้เข้ารับการรักษาบนหอผู้ป่วยเด็ก ห้องแยก

น้องนอนหลับ เปิดพัดลมไม่แรงเท่าไหร่ คลุมโปงด้วยผ้าแพร
เป็นช่วงเดือนเมษาของปีที่แล้ว อากาศค่อนข้างร้อน
คุณแม่อยู่เฝ้าน้อง

ขอซักประวัติจากคุณแม่ก่อน
คุณแม่นั่งอยู่ปลายเตียง และพูดกับเรา (= ฉัน + พี่เอกเทิร์น) ด้วยเสียงเบามาก

เราจึงพูดเบาๆไปด้วยโดยปริยาย
คุณแม่เล่าให้ฟังว่า 2 - 3 ปีก่อนที่พาน้องมารักษาก้อนยังไม่ใหญ่ขนาดนี้
แต่พอบอกวิธีการรักษาแล้ว น้องไม่ยอม น้องบอกกับคุณแม่ว่า

"ไม่เอา หนูไม่ตัด ให้ตายหนูก็ไม่ตัด ถ้าหนูต้องตาย หนูจะตายพร้อมกับแขนของหนู"

คุณแม่เสียใจ ที่น้องไม่ยอมเข้ารับการรักษา คุณแม่ถึงกับปรึกษาคุณหมอว่า คุณแม่สามารถจับน้องมัด ให้คุณหมอวางยาสลบ แล้วให้คุณหมอแอบผ่าตัดได้มั้ย

คุณหมอตอบว่า
"เราทำอย่างนั้นไม่ได้ แขนนี้เป็นแขนของน้อง คนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่เหลือแขนเดียวคือน้อง ไม่ใช่คุณแม่ หรือหมอ"

คุณแม่เลยได้แต่พาน้องกลับบ้าน

ก้อนนั้นโตขึ้นเรื่อยๆ และมีเลือดออกที่ก้อนร่วมด้วย
แต่น้องก็ยังไปโรงเรียนทุกวัน
จนก้อนใหญ่มากขึ้น เพื่อนเริ่มล้อ น้องก็หยุดไปโรงเรียน

น้องอยู่ที่บ้าน ก้อนก็ยังโตขึ้น เลือดออกมากขึ้น ปวดมากขึ้น

จนกลางดึก 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล น้องปวดแผลมากจนทนไม่ไหว
น้องกรีดร้อง แล้วบอกกับคุณแม่ว่า
"พาหนูไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ จะตัดก็ตัด หนูทนไม่ไหวแล้ว พาไปเดี๋ยวนี้"

คุณแม่บอกว่า
"แม่ดีใจมาก ที่น้องยอมผ่าเสียที แม่กลัวมาก สงสารเค้า ปวดทุกคืน ร้องทุกคืน แม่นะ รีบเหมารถมาเลย ให้พาไปโรงพยาบาลเลย ตอนห้าทุ่ม เสียไป 2000 แม่กลัวน้องเค้าจะเปลี่ยนใจไม่ยอมผ่าอีก"

วันนี้น้องก็เลยมาเข้ารับการผ่าตัด

ทีนี้ เราก็จะมาขอน้องดูแผลที่ว่าสักหน่อยว่าเป็นไงบ้าง
พอดูใกล้ๆ ก็เห็นว่า ก้อนนั้นเป็นก้อนขนาดใหญ่มาก แล้วหัวก็พิงๆแขนข้างนั้น

เราจึงเปิดผ้าห่ม
กรี๊ดดด เปิดผ้าทำไม!!!! หนูเจ็บบบบ กรี๊ดดดดดดด ปิดผ้าเดี๋ยวนี้!!!!

น้องกรี๊ดเสียงดังมาก ยังจำเสียงกรี๊ดน้องได้อยู่เลย

ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าที่น้องกรี๊ด เป็นเรื่องของพฤติกรรมหรือไม่ เพราะจากประวัติที่ศึกษา น้องค่อนข้างจะมีพฤติกรรมเด็กกว่าอายุ
ถ้าน้องเจ็บจริงๆ ก็คิดว่า เป็น neuropathic pain เพราะว่า วันนั้นเราแค่จับผ้าห่มจริงๆ แค่นั้น้องก็กรี๊ดแล้ว นั่นคือน้องมีความเจ็บปวดแบบไม่สัมพันธ์กับแรงที่มากระทำ (touch allodynia) จากการบาดเจ็บของเส้นประสาท

"โอ๋~~~ น้อง___ แม่ขอโทษนะลูก พี่หมอขอดูนิดเดียวนะลูก ไม่กวนแล้ว ไม่กวนแล้ว"
กรี๊ดดดดด
กรี๊ดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดด........

- แม่จ๋า :'(
- autonomy ต้องมาก่อน
- ปมด้อย ไม่ใช่เรื่องตลก :(

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น