วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าเท่าที่จำได้ : บทที่ 4 - คุณหมอครับ


ตอนนี้ จขบ ขึ้นชั้นคลินิคเป็นปีที่ 2 แล้วค่ะปีที่แล้วเป็นปีที่เหนื่อย แต่ก็ได้เจอเรื่องดีๆเยอะอยากจะเขียนเอาไว้ กลัวว่าพอแก่ไป กลัวจะลืมเรื่องราว ของ "คุณครู" ทุกคนไป
จะไม่มีการเขียน identity คนไข้ค่ะ แต่ว่า จะว่าไป จขบ ก็ไม่แม่นเรื่องข้อบังคับ จรรยาบรรณอะไรเท่าไหร่
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ ขอคำแนะนำจากพี่ๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ :)


------------



ไม่มีเรื่องเล่าจากวอร์ดศัลย์กับสูติเลย

นึกยังไงก็นึกไม่ออก

คงเพราะดูคนไข้ไม่ละเอียดมั้ง 555+



เคสที่ 4  เป็นเรื่องเล่าจาก ward อายุรกรรม (medicine)
เคสนี้ เป็นเคสที่เราสะเทือนใจที่สุด

เคสผู้ป่วยชายไทยคู่ (คู่ = มีสามี/ภรรยาแล้ว ทางพฤตินัย) อายุประมาณ 35 ปี

อาชีพรับจ้าง ภูมิลำเนาจำหวัดร้อยเอ็ด

เคสนี้มาด้วยกลุ่มอาการไขกระดูกล้มเหลว (bone marrow failure)


ไขกระดูก ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือด เม็ดเลือดขาว เกร็ดเลือด
พอไขกระดูกล้มเหลว ก็จะสร้างกลุ่มเม็ดเลือดที่พูดไปข้างต้นไม่ได้

ผลก็คือ
สร้างเม็ดเลือดแดงไม่ได้ คนไข้ก็จะซีด ,อ่อนเพลีย
สร้างเม็ดเลือดขาวไม่ได้ ภูมิคุ้มกันของคนไข้ก็จะต่ำลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
สร้างเกร็ดเลือดไม่ได้ คนไข้ก็จะมีภาวะเลือดออกง่าย

คนไข้คนนี้มาด้วยไข้ โดยไม่มีสาเหตุของไข้ที่ชัดเจน ร่วมกับมีจ้ำเลือดตามตัว ,เลือดออกตามไรฟัน และอ่อนเพลีย

จึงคิดถึงสาเหตุจากไขกระดูก
อาจจะเกิดจากการติดเชื้อที่ไขกระดูก ไขกระดูกฝ่อ หรือมะเร็ง

ได้ทำการเจาะไขกระดูก (bone biopsy) ไปดูพบว่า
ผู้ป่วยท่านนี้เป็น ลิ ว คี เ มี ย
(ไม่แน่ใจ subtype ค่ะ คิดว่าเป็น Chronic myeloblastic leukemia with acute on top)

เราจำผู้ป่วยคนนี้ได้แม่น
เค้าอยู่ในห้องแยกเชื้อ เนื่องจากตัวโรคของเค้าจะติดโรคได้ง่าย

พี่เป็นผู้ชาย สูงประมาณ 170 รูปร่างสันทัด ผิวเกรียมแดดจากการทำงาน
เค้าอยู่ในห้องกับแฟนของเค้่า

เราเข้าไปแนะนำตัว บอกกับเค้าว่าเราเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ได้ดูแลเค้า วันนี้จะขออนุญาติตรวจร่างกายเค้า และอาจจะมีพี่ๆ มาขอตรวจเค้าซ้ำเราอีก

ได้ครับ คุณหมอ...
ปกติ คนไข้จะเรียกเราน้องบ้าง น้องหมอบ้าง หมอเล็กบ้าง มีคนไข้คนนี้คนแรกล่ะมั้งที่เรียกเราว่าคุณหมอ

ตรวจร่างการก็พบว่าคนไข้ซีด และมีเลือดออกตามตัว
นอกนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ

หน้าที่อีกอย่างนึงของเราคือ ไปดูคนไข้ตอนเช้า
คนไข้คนนี้ มีไข้สูงประมาณ 38-39 ตลอด ลงตามการได้รับยาลดไข้เป็นช่วงๆ
และบ่น คลื่นไส้อาเจียนทุกวัน

คลื่นไส้อาเจียน คิดถึงสาเหตุแบบกว้างๆ ได้ 2 สาเหตุ 

- สาเหตุในหัว (intracranial)
- สาเหตุนอกหัว (extracranial)

คนนี้นึกถึงสาเหตุหลักๆ 2 สาเหตุ

- โลหิตจาง
- สาเหตุในหัว

คนไข้มีโลหิตจางจริง และตรวจร่างกายทางระบบประสาทไม่พบความผิดปกติ

จริงให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน



วันที่ 3 ของการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยคนนี้

คืนนั้นเราอยู่เวร

เป็นวันที่ไม่ได้นั่งเลย ตั้งแต่หกโมงเย็น

วิ่งรับเคส ทำงานอยู่

พี่พยาบาล เดินมาหาเราข้างหลัง
"น้องหมอคะ เคสในห้องแยก ใช่เคสของน้องหมอมั้ยคะ?"

"ใช่ค่ะ"


"คนไข้บ่นปวดหัวอีกแล้วค่ะ"


เราเดินไปดูคุณน้า คุณน้านอนตะแคง ตัวงออยู่บนเตียง

"ปวดหัวมากครับคุณหมอ"

"ปวดยังไงคะ" 


"ปวดเหมือนจะระเบิดเลยครับ"


"เต็มสิบคือปวดที่สุด ให้กี่คะแนนคะ"


"สิบเลยครับ....อ้วกกกกก"


คนไข้อาเจียน

ภรรยาของเขาเอาถุงมารองแทบไม่ทัน

เราไป notify พี่ต่อ
พี่ให้ยารักษาตามอาการ

เราลงเวรตอน เกือบห้าทุ่มละมั้ง


เช้าวันรุ่งขึ้น
เรามาดูคนไข้เหมือนทุกวัน

คุณน้าไม่อยู่แล้ว...
เราเลยไปถามกับพี่พยาบาล

เคสในห้องแยกเหรอคะน้องหมอ NR ไปแล้วค่ะ

NR

no resuscitation

เกิดอะไรขึ้น?


หลังจากน้องหมอลงเวรนั่นแหละ คนไข้ ตาลอยค้าง เรียกไม่รู้สึกตัว 

พี่ได้มาใส่ท่อย้ายเข้า ICU
รู้สึกเค้าทำ CT แล้วเป็น stroke(เลือดออกในสมอง) นะน้องหมอ

เราตามไปดูคนไข้ที่ ICU ใกล้ๆ


คุณน้าที่คุยกับฉันเมื่อวันก่อน นอนอยู่ในห้องแยกใน ICU พร้อมกับท่อ และเครื่องช่วยหายใจ
ฉันเปิดอ่านชาร์ทคนไข้
พี่บันทึกเหตุการณ์ไว้ ไม่ต่างจากที่พี่พยาบาลเล่ามากนัก

ฉันตามไปดูที่ ผล CT scan
มีรอยเลือดออกขนาดใหญ่มาก ที่สมองส่วน cerebellum

ถึงตรงนี้ ฉันรู้สึกแย่.....
อาการแรกๆของเลือดออกในสมอง คือ ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน
 คนไข้ปวดหัวตั้งแต่วันแรก แต่ตรวจร่างกายแล้วปกติ

 จะว่าไปแล้ว อาเจียนที่ฉันเห็น มันไม่ใช่อาเจียนธรรมดา
 ฉันเห็นอาเจียนพุ่ง

 P R O J E C T I L E   V O M I T T I N G
เป็น sign สำคัญที่เกิดจากความดันในหัวเพิ่ม

 ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันยังคุยกับคุณน้าอยู่เลย
 เช้าวันนั้นเป็นวันที่เคว้งคว้าง พี่ๆพากันพูดถึงเคสนี้ 

 วันนั้นฉันทำงานแบบไม่มีสติ
 หลังจากราวน์เสร็จ ฉันเข้ามานั่งพักในห้องพักนักศึกษา

 ฉันได้ยินเสียง ภรรยาของเค้าอยู่นอกห้อง
ฉันเปิดประตู เห็นผู้หญิงร่างเล็ก ผิวคล้ำคนเดิมที่นั่งอยู่ในห้องแยก กำลังถามทางจากพี่พยาบาลเพื่อจะไปเคลียร์หนี้สิน

 ฉันเรียกเธอ
 "คุณน้าคะ"

 เธอหันมา


  เธอเห็นหน้าฉัน


เธอเข้ามากอดฉันแล้วร้องไห้



 เธอร้องไห้เสียงดังลั่นวอร์ด

 วินาทีนั้นเป็นวินาทีที่ฉันลำบากใจที่สุด
 ฉันคิดว่ามันมีแต่ในละคร และตอนนี้ฉันต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้

 ฉันบอกเค้าว่าฉันเสียใจ
ฉันขอตัวมาทำแผลคนไข้คนอื่นแล้วเดินจากมา

 ฉันเดินมาที่เตียงที่ต้องทำแผล กำลังจะเสิร์ฟของช่วยเพื่อน
 "ตุ้ย แกไปจัดการก่อนไป....."


 ฉันจึงไม่ลังเลที่จะเดินมาเป็นเพื่อนคุณน้า
 แต่เอาเข้าจริงๆ มันยาก...

ฉันกำลังเดินข้างๆ ผู้หญิงคนนึง 
เธอกำลังเสียสามีไป
 ฉันควรจะพูดอะไร

 "เค้าไปสบายแล้วนะคะ...." เหรอ

ถ้าไปสบาย ถามจริงๆว่าฉันอยากไปมั้ย?
ฉันไม่ได้อยากไป

 "คุณน้าคะ...."
"....."
 "คุณน้ารู้มั้ยคะ ว่าโรคนี้ แนวทางการรักษาเป็นยังไง"
 คุณน้าส่ายหน้า
 "โรคนี้ ใช้เวลาในการรักษาค่ะ ใช้ยาเคมี และ การปลูกถ่ายไขกระดูก"
 "......."
 "ยามีผลข้างเคียงค่ะ และตัวโรคก็ไม่ได้หายในทันทีที่รักษา"
 "....."
 "หนูเสียใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่บางที สิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะดี สำหรับคุณน้าเค้าแล้วนะคะ"



 "หนูเสียใจด้วยนะคะ"


 - เหมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดเมือวานเลย

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าเท่าที่จำได้ : บทที่ 3 - เศร้าไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร


ตอนนี้ จขบ ขึ้นชั้นคลินิคเป็นปีที่ 2 แล้วค่ะปีที่แล้วเป็นปีที่เหนื่อย แต่ก็ได้เจอเรื่องดีๆเยอะอยากจะเขียนเอาไว้ กลัวว่าพอแก่ไป กล้วจะลืมเรื่องราว ของ "คุณครู" ทุกคนไป
จะไม่มีการเขียน identity คนไข้ค่ะ แต่ว่า จะว่าไป จขบ ก็ไม่แม่นเรื่องข้อบังคับ จรรยาบรรณอะไรเท่าไหร่
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ ขอคำแนะนำจากพี่ๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ :)


------------


เคสที่ประทับใจ เคสที่ 3 เป็นเคสบน ward เวชศาสตร์ฟื้นฟู (rehab) ค่ะ
เคสนี้เป็นเคสที่ลืมไม่ลงจริงๆ :)

เคสผู้ป่วยหญิง อายุ 21 ปี อาชีพนักเรียน 
ภูมิลำเนาจังหวัดกาฬสินธุ์

ผู้ป่วยอายุน้อยกว่าไม่กี่วัน ขออนุญาติแทนว่า น้อง ละกันนะคะ
ครั้งนี้น้องมาตรวจสุขภาพเช็คสุขภาพประจำปี

ประวัติเดิม คือมีเนื้องอกในกระดูกสันหลังมา 6 ปี

6 ปีก่อน น้องมีอาการปวดหลัง อาการปวดทานยาไม่ดีขึ้น จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
ส่งทำ MRI พบมีก้อน ที่กระดูกสันหลัง (จำไม่ได้แล้วค่ะ ว่า level ไหน -..-") จึงได้รับการส่งต่อมารักษาตัวที่แผนก orthopedic ที่โรงพยาบาลที่เราเรียนอยู่

น้องได้เข้ารับการผ่าตัด
แต่....หลังจากเปิด มีเลือดออกมาก น้อง arrest(หัวใจหยุดเต้น) และได้รับการ resuscitate (กู้ชีพ) ขึ้นมา

แพทย์ตัดสินใจหยุดการผ่าตัด

ทีมแพทย์ได้ปรึกษากับครอบครัว เกี่ยวกับแนวทางการรักษา เนื่องจากการจะผ่าตัดอีกครั้งมีความเสี่ยง ทางครอบครัวจึงตัดสินใจไม่ผ่าตัด และรักษาด้วยการฉายแสง

พอฉายแสงไปได้สักพักก็เริ่ม...
เดินไม่ได้
ควบคุมการปัสสาวะอุจจาระเองไม่ได้

ตอนที่น้องมีอาการ ตอนนั้นน้องทำอะไรอยู่คะ?
เพิ่งขึ้น ม.4 เป็นวันที่ 3 ค่ะ

ตอนนั้นเรียนสายอะไรคะ?
วิทย์-คณิตค่ะ

ตอนนั้นอยากทำงานอะไรคะ?
อยากเป็นหมอค่ะ.....

แล้วรู้สึกยังไงบ้างที่อะไร อะไรมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด?
ตอนแรกก็เศร้านะ แต่เอาจริงๆ ก็... เศร้าไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไร อะไรดีขึ้นหรอก

ใช่...ผู้หญิงที่อายุเท่าฉัน วัยเดียวกับฉัน มีความฝันเดียวกับฉัน กำลังอยู่ตรงหน้าฉัน

เธอยิ้มตลอดเวลา
ยิ้มของเธอดูเป็นธรรมชาติและดูมีความสุขมาก

ในขณะที่ตอนนั้น ฉันเพิ่งขึ้นวอร์ด และฉันทุกข์

ฉันทุกข์ทึ่ฉันไม่พร้อมจะรับฟังความทุกข์ของใคร........

เธอเล่าให้ฟังต่อว่า
เธอออกจากโรงเรียน มาทำงานจิตอาสา ตามโรงพยาบาล และที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจคนที่กำลังป่วยแบบเธอ

และวันนึง ฟ้าหญิงก็เสด็จมา
ทรงเสด็จมาดูงานช่วยเหลือคนพิการที่นี่

มีคลิปลงในยูทูปด้วยนะคะ 

ฟ้าหญิง พบเธอ
ทรงตรัสถามเกี่ยวกับโรคที่เธอเป็น
และรับเธอเป็นคนไข้ในพระองค์

จริงๆ ในยูทูปรายละเอียดมันเยอะอยู่ ดูแล้วปลื้มใจแทนน้องจริงๆ ที่ได้มีโอกาสแบบนี้ :)

คุณแม่ของน้อง มาขอประวัติจากโรงพยาบาลของฉัน ไปเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันวิจัยที่กรุงเทพ
บอกว่า แพทย์ทางนู้น รีวิวประวัติ และลงความเห็นว่า "ก้อน" ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในหลังของน้อง ที่ฉายแสงไปกี่ครั้ง รอยโรคจากภาพรังสีก็ดูจะไม่ดีขึ้น มีแนวโน้มจะเป็น "เนื้องอก" ไม่ใช่ "มะเร็ง"

เป็นเรื่องน่าดีใจเนอะ :)

แนวทางการรักษาตอนนั้นก็เป็นการทำกายภาพบำบัด และตรวจไตเป็นระยะๆ

อาการเธอกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้เธอพอขยับขาได้บ้าง จากเดิมที่ไม่มีแรงเลย
ยังคงควบคุมการปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ต้องใช้การสวนช่วย

เรื่องเรียน
ตอนที่เราพบกัน เธอเรียนอาชีวะ ในสถาบันที่อำนวยความสะดวกให้คนพิการ
และเธอกำลังวางแผนจะเรียนต่อปริญญาตรี

ฉันเองก็เหมือนกัน
ฉันก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉันไม่ได้แค่ตามฝันขอฉัน....
แต่เป็นฝันของคนที่ไม่ได้มีโอกาสแบบฉันด้วย :)



เรื่องเล่าเท่าที่จำได้ : บทที่ 2 - แม่กลัวหนูจะเปลี่ยนใจ


ตอนนี้ จขบ ขึ้นชั้นคลินิคเป็นปีที่ 2 แล้วค่ะปีที่แล้วเป็นปีที่เหนื่อย แต่ก็ได้เจอเรื่องดีๆเยอะอยากจะเขียนเอาไว้ กลัวว่าพอแก่ไป กล้วจะลืมเรื่องราว ของ "คุณครู" ทุกคนไป
จะไม่มีการเขียน identity คนไข้ค่ะ แต่ว่า จะว่าไป จขบ ก็ไม่แม่นเรื่องข้อบังคับ จรรยาบรรณอะไรเท่าไหร่
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ ขอคำแนะนำจากพี่ๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ :)


-----------------


เคสแรกไม่ได้เอาไปเขียนรายงานค่ะ ยากเกินไป มันดูเป็นเคสบูรณาการกับศัลยกรรมพลาสติกเหลือเกิน -..-


เคสที่สองที่ได้รับบน ward orthopedic
เคสแรกที่เขียนรายงาน

เคสนี้เป็นเคสผู้ป่วยเด็กหญิง อายุประมาณ 12 ปี 
จำภูมิลำเนาไม่ได้ค่ะ

ประวัติจากแฟ้มประวัติ

เคสนี้เดิมน้องมาด้วยก้อนที่ต้นแขนข้างซ้าย 2-3 ปีก่อนมาโรงพยาบาล
ตอนแรกก้อนขนาดไม่ใหญ่
ผล x-ray ออกมาก็เห็น sign หลายอย่าง ทั้ง osteolytic lesion, sunburst-sunray, cotman's triangle
วินิจฉัยเป็น osteosarcoma ( มะเร็งกระดูก)
การรักษาที่แพทย์แนะนำตอนนั้นคือ amputate (ตัดแขน)

คนไข้ปฏิเสธการรักษา ขอกลับบ้าน

อ่านประวัติจบ เข้าไปคุยกับคนไข้ต่อ
เคสนี้เข้ารับการรักษาบนหอผู้ป่วยเด็ก ห้องแยก

น้องนอนหลับ เปิดพัดลมไม่แรงเท่าไหร่ คลุมโปงด้วยผ้าแพร
เป็นช่วงเดือนเมษาของปีที่แล้ว อากาศค่อนข้างร้อน
คุณแม่อยู่เฝ้าน้อง

ขอซักประวัติจากคุณแม่ก่อน
คุณแม่นั่งอยู่ปลายเตียง และพูดกับเรา (= ฉัน + พี่เอกเทิร์น) ด้วยเสียงเบามาก

เราจึงพูดเบาๆไปด้วยโดยปริยาย
คุณแม่เล่าให้ฟังว่า 2 - 3 ปีก่อนที่พาน้องมารักษาก้อนยังไม่ใหญ่ขนาดนี้
แต่พอบอกวิธีการรักษาแล้ว น้องไม่ยอม น้องบอกกับคุณแม่ว่า

"ไม่เอา หนูไม่ตัด ให้ตายหนูก็ไม่ตัด ถ้าหนูต้องตาย หนูจะตายพร้อมกับแขนของหนู"

คุณแม่เสียใจ ที่น้องไม่ยอมเข้ารับการรักษา คุณแม่ถึงกับปรึกษาคุณหมอว่า คุณแม่สามารถจับน้องมัด ให้คุณหมอวางยาสลบ แล้วให้คุณหมอแอบผ่าตัดได้มั้ย

คุณหมอตอบว่า
"เราทำอย่างนั้นไม่ได้ แขนนี้เป็นแขนของน้อง คนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่เหลือแขนเดียวคือน้อง ไม่ใช่คุณแม่ หรือหมอ"

คุณแม่เลยได้แต่พาน้องกลับบ้าน

ก้อนนั้นโตขึ้นเรื่อยๆ และมีเลือดออกที่ก้อนร่วมด้วย
แต่น้องก็ยังไปโรงเรียนทุกวัน
จนก้อนใหญ่มากขึ้น เพื่อนเริ่มล้อ น้องก็หยุดไปโรงเรียน

น้องอยู่ที่บ้าน ก้อนก็ยังโตขึ้น เลือดออกมากขึ้น ปวดมากขึ้น

จนกลางดึก 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล น้องปวดแผลมากจนทนไม่ไหว
น้องกรีดร้อง แล้วบอกกับคุณแม่ว่า
"พาหนูไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ จะตัดก็ตัด หนูทนไม่ไหวแล้ว พาไปเดี๋ยวนี้"

คุณแม่บอกว่า
"แม่ดีใจมาก ที่น้องยอมผ่าเสียที แม่กลัวมาก สงสารเค้า ปวดทุกคืน ร้องทุกคืน แม่นะ รีบเหมารถมาเลย ให้พาไปโรงพยาบาลเลย ตอนห้าทุ่ม เสียไป 2000 แม่กลัวน้องเค้าจะเปลี่ยนใจไม่ยอมผ่าอีก"

วันนี้น้องก็เลยมาเข้ารับการผ่าตัด

ทีนี้ เราก็จะมาขอน้องดูแผลที่ว่าสักหน่อยว่าเป็นไงบ้าง
พอดูใกล้ๆ ก็เห็นว่า ก้อนนั้นเป็นก้อนขนาดใหญ่มาก แล้วหัวก็พิงๆแขนข้างนั้น

เราจึงเปิดผ้าห่ม
กรี๊ดดด เปิดผ้าทำไม!!!! หนูเจ็บบบบ กรี๊ดดดดดดด ปิดผ้าเดี๋ยวนี้!!!!

น้องกรี๊ดเสียงดังมาก ยังจำเสียงกรี๊ดน้องได้อยู่เลย

ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าที่น้องกรี๊ด เป็นเรื่องของพฤติกรรมหรือไม่ เพราะจากประวัติที่ศึกษา น้องค่อนข้างจะมีพฤติกรรมเด็กกว่าอายุ
ถ้าน้องเจ็บจริงๆ ก็คิดว่า เป็น neuropathic pain เพราะว่า วันนั้นเราแค่จับผ้าห่มจริงๆ แค่นั้น้องก็กรี๊ดแล้ว นั่นคือน้องมีความเจ็บปวดแบบไม่สัมพันธ์กับแรงที่มากระทำ (touch allodynia) จากการบาดเจ็บของเส้นประสาท

"โอ๋~~~ น้อง___ แม่ขอโทษนะลูก พี่หมอขอดูนิดเดียวนะลูก ไม่กวนแล้ว ไม่กวนแล้ว"
กรี๊ดดดดด
กรี๊ดดดดด
กรี๊ดดดดดดดดดด........

- แม่จ๋า :'(
- autonomy ต้องมาก่อน
- ปมด้อย ไม่ใช่เรื่องตลก :(

เรื่องเล่าเท่าที่จำได้ : บทที่ 1 - หนูไม่รำแล้ว

ตอนนี้ จขบ ขึ้นชั้นคลินิคเป็นปีที่ 2 แล้วค่ะปีที่แล้วเป็นปีที่เหนื่อย แต่ก็ได้เจอเรื่องดีๆเยอะอยากจะเขียนเอาไว้ กลัวว่าพอแก่ไป กล้วจะลืมเรื่องราว ของ "คุณครู" ทุกคนไป
จะไม่มีการเขียน identity คนไข้ค่ะ แต่ว่า จะว่าไป จขบ ก็ไม่แม่นเรื่องข้อบังคับ จรรยาบรรณอะไรเท่าไหร่
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ ข้อคำแนะนำจากพี่ๆ ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ :)

----------------------

คนไข้คนแรกที่รับ เป็นคนไข้บน ward orthopedic 

เป็นเคสผู้ป่วยหญิงไทย ไม่แน่ใจว่าอายุเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าอยู่ ม.ต้น 
ภูมิลำเนาจังหวัดขอนแก่น

มาด้วยภาวะ นิ้วนางผิดรูป

ตอนนั้น เราคิดว่าเคสนี้เป็นเคสที่แปลกมาก
เพราะเคสที่เข้ามาอยู่ที่ โรงพยาบาลเรา ส่วนใหญ่จะเป็นเคสหนักๆ ซีเรียสๆมากกว่า


แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มีหน้าที่ต้องไปดูเคสอยู่ดี 555+

เคสนี้นอนห้องพิเศษ
ในห้อง มีเด็กวัยรุ่น น่าตาน่ารัก นั่งอยู่บนเตียง โดยมีคุณแม่ เฝ้าอยู่ด้วย

คุณแม่เล่าประวัติว่า

น้องโตมาตามปกติ ชอบวิ่งเล่น เหมือนเด็กๆทั่วไป
วันนึง ตอนน้องอายุ 3 ขวบ น้องถูกประตูเหล็กหนีบ เป็นแผลแนวยาวที่นิ้ว

คุณแม่จึงพาน้องไปอนามัย

น้องได้รับการรักษาโดยการเย็บแผล โดยเย็บรวบรอยแผลดังกล่าวจนหมด

น้องไปตัดไหมตามปกติ

แต่นิ้วน้องไม่ปกติแล้ว

นิ้วของน้องงอ และขยับไม่ได้ เล็บของน้องก็งอไปตามรูปนิ้ว


แล้วการที่ข้อนิ้วนี้ใช้งานไม่ได้ เป็นปัญหายังไงบ้างคะ?
คุณแม่ก็เล่าแทนน้องอีกว่า ...น้องเขียนหนังสือ ทานข้าว ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ แต่...

น้องเป็นคนชอบกิจกรรม
คุณครูมักเลือกให้น้องขึ้นรำไทยในงานต่างๆ
ตัวน้องก็ชอบรำไทย

แต่น้องขึ้นรำได้ไม่กี่ครั้ง น้องก็ไม่ขึ้นรำอีก เนื่องจากเพื่อนล้อ 
เธอจึงไม่ได้ทำ ในสิ่งที่เธออยากทำ

วันนี้จึงมาเข้ารับการผ่าตัด

เคสแรกของเราเป็นเคสธรรมดาแบบนี้แหละ แต่ได้คิดอะไรหลายอย่างเลยนะ
- ทำไมเค้าถึงเย็บแบบนั้นนะ
- ปมด้อยไม่ใช่เรื่องตลก
- น้องไม่ค่อยพูด ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร

เพราะว่าเป็นเป็นเคสแรก ความทรงจำเลยเลือนลางมาก เคสท้ายๆจะจำแม่นขึ้นนะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ :)

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Prototype..

วันนี้ เราไม่ได้มาเขียนเรื่องตัวเอง

วันนี้้เรามาบ่น 555

จะพยายามเขียนให้ไม่น่าเบื่อ ถึงบล็อคนี้มันจะไม่ค่อยมีคนอ่านก็เหอะ 555

หลายๆคนคงเคยดูดวง

เราก็ชอบดู

แต่เราจะชอบดูอยู่ไม่กี่อย่างหรอก

เราชอบดูดวงพวกเลขฐาน แล้ว ก็ลายมือ

ในความรู้สึก คิดว่าการดูดวงสองอย่างนี้น่าจะแม่นที่สุด เพราะว่าอย่าง เลขฐานเนี่ย ก็ต้องใช้ทั้ง วัน เดือน ปี เวลาตกฟาก แล้วก็สถานที่เกิด ส่วนลายมือ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นอัตลักษณ์พิสูจน์บุคคล แต่ละคนไม่เหมือนกัน

เราไม่คิดว่า เราสามารถแบ่งคนบนโลก 6000 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่มีนิสัยเหมือนกัน 4 กลุ่มตามกรุ๊ปเลือด 7 กลุ่มตามวันเกิด) หรือ 12 กลุ่มตามราศี ได้ง่ายๆ

แล้วทำไมต้องเกริ่นซะยาวล่ะ? 555

วันหนึ่ง (ที่ค่อนข้างใกล้สอบ) เราเห็นภาพนี้....


https://www.facebook.com/photo.php?fbid=422741844437950&set=a.405600539485414.95420.405565326155602&type=1


อันนี้เป็นตัวอย่างนึงของการจัดคนเป็นกลุ่มที่ ห ย า บ เกินไป
เราจะยังไม่พูดถึงตัวเรานะ เราขอเล่าประสบการณ์ใกล้ตัวก่อน
เราอยู่ รร. แห่งหนึ่ง ที่ต้องเจอกับคนของมหาลัยในรูปที่สามประจำ
มีหลายๆเหตุการณ์ ที่จำได้แม่น

วันหนึ่ง ณ ร้านถ่ายเอกสารใกล้โรงอาหาร ฉันเห็นพี่มหาลัย นั่งลอกการบ้านสถิติที่ง่ายกว่าที่ฉันเรียนอยู่
ทุกๆเปิดเทอม หน้าโรงอาหาร ฉันเห็นการรับน้อง ที่....ไม่สมกับเป็นปัญญาชน
ทุกเช้า ที่ฉันไปกินข้าวที่โรงอาหาร ฉันเห็นแฟชั้นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นยกทรงลายเสือดาวทะลุเสื้อ เสื้อทะลักล้น กระโปรงสั้นๆราวกับที่บ้านขาดแคลนผ้าแถบ




ณ ตอนนั้น ฉันไม่รู้ว่าพี่ๆเค้าเรียนอะไรกัน แต่ว่าถ้าพี่ๆเค้าเรียนเพื่อไปเป็น แม่พิมพ์ของชาติฉันมีคำถามต่อๆพี่เหล่านั้นนิดหน่อย

ขอถามพี่กลุ่มแรกว่า ถ้าพี่ไปเป็นครู พี่คิดว่า พี่มีความชอบธรรมที่จะนั่งจับผิดสำนวนการเขียนของเด็กว่าลอกกันรึเปล่ามั้ยคะ?
ขอถามพี่กลุ่มที่ชอบรับน้องแบบพิศดารว่า พวกพี่คิดว่าการพูดจาหยาบโลน เต้นท่าทุเรศทุรังเนี่ย จะได้ใช้ในชีวิตจริงมั้ยคะ แล้วพวกพี่รู้ได้อย่างไรคะ ว่าชีวิตการทำงานจะหนักกว่านี้ พี่เคยเรียนจบแล้วเหรอคะ
ขอถามพี่กลุ่มสุดท้ายว่า ถ้าพี่ไปเป็นครู พี่คิดว่า พี่มีความชอบธรรมพอที่จะแกว่งกรรไกรไปตัดผมเด็กคนนู้นที คนนี้ทีมั้ยคะ

เราเป็นคนชอบคิดอะไร เยอะๆแยะๆ เห็นอะไรก็หลายเป็นเรื่องโยงกันเต็มหัวแล้ว


จนถึงวันของเรา เราได้เป็นคนกลุ่มแรก
จริงๆจะบอกว่าเป็นคนกลุ่มแรก ก็ไม่เชิงหรอกนะ ตอนมอต้น เกรดเราเรี่ยดินมากเลย
เหมือนไม่คิดอะไร ทำอะไรไปเรื่อยๆ แต่วางแผนล่วงหน้าทีละหลายๆปี

ผิดหวังที ลูกฮึดก็มาที แล้วก็แผ่วไป

พอมามอปลาย เราตั้งใจเรียนขึ้นมากแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย
ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรหรอก ก็แค่ตอนนั้นเรียนแคลรู้เรื่อง ตอน ม.สี่
มันมีความรู้สึกหลายๆอย่างปนกันนะ แปลกใจ ดีใจ
แล้วเราก็ขยันขึ้น
มอ.ห้า เรียนเคมี คำนวน
มีความรู้สึกเหมือนคนตกหลุมรักน่ะ ชอบเคมีมากๆ

เชื่อมั้ยจนถึงตอนนี้ เรียนอะไรมาหลายอย่าง เจอโจทย์คำนวนทีไร ก็ยังเอาพื้นฐานที่เรียนมาจากเคมีคำนวน มอ.ห้า มาใช้อยู่เลย

จะคงต้องบอกว่า เราได้ดีเพราะ ค รู จริงๆ :)

ย้อนกลับไปที่ภาพนั้นนะ
เราเป็นคนกลุ่มแรก ก็จริง แต่เราไม่ใช่ที่หนึ่ง ของกลุ่มแรก ของชั้นเรียน
เราได้ที่สามของชั้น แล้วที่หนึ่งกับที่สอง เค้าก็ไม่ได้เรียนหมอด้วย

ถ้าได้ลองเข้าไปอ่านคอมเม้นในภาพนั้น บางความเห็นก็ว่าว่า อาชีพนี้ก็เก่งๆ แล้วก็เห็นแก่ตัว แล้วก็อยากรวยบลาๆๆ มาพร้อมไลค์นับล้าน

ทำไมรู้สึกเหมือนกรรมสนองไม่รู้.....

เราเป็นคนนึง ที่ไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะรักที่จะเป็น เราเริ่มจากการตัด choice ทิ้ง

เราเคยอยากเป็นทูต แต่เราตระหนักดีว่าเรา ป า ก ห ม า
เราเคยอยากเป็นวิศวะ แต่เข้าแลปฟิสิกส์ทีไร เราโดนอาจารย์ว่าทุกที ว่าเราไร้ทักษะ แต่เราก็ไร้ทักษะจริงๆนั่นละ จะต่อไฟ จะเซนส์ทางวิศวะหรืออะไร เราไม่มีทั้งนั้น เราคงได้แต่เอาสูตรทีเรียนมา มาผูกกันอย่างเดียว ให้เอามันไปทำอะไรต่อ เราคงทำไม่เป็น 555
เคยอยากเรียนทันตะด้วย แต่ก็ตระหนักดีว่า เราคงไม่ชอบนั่งฟังเสียงเครื่องกรอฟันหรอก

เราเหลือหลายๆตัวเลือก มีหมอ,บัญชี,วิทยา
อ่า...ก็อันนี้แหละ

ทุกวันนี้ เราก็ต้องมานั่งหงุดหงิด เพราะภาพที่คนมอง
เอาง่ายๆเลยนะ จะเล่า สเตปให้ฟัง ถ้าเราไปเจอคนรู้จัก

T : *ไหว้*
Mrs.A คุยกับแม่ : ลูกสาวเหรอ ตัวใหญ่เนอะ
M : *ยิ้ม*
T : /in mind ขาหนูไม่ได้หนีบก้านคอป้าอยู่นะค้าาาาา
Mrs.A : ลูกเรียนอะไรล่ะ
M (ผู้รู้ step ดี 5555) : _บอกชื่อมอก่อน_
Mrs.A :อ่อออ ไกลเนอะ (ถ้าโชคดีจะไม่ถูกสัมภาษณ์ต่อ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อย 5555) เรียนคณะอะไรล่ะ
T : แพทย์คะ
Mrs.A : เออ เก่งเนอะ ดีๆ แม่ก็สบายแล้วสิ
...หลายๆครั้ง จะถามสำทับด้วย ว่า แล้วเรียนเฉพาะทางอะไรล่ะ
เราก็จะตอบว่า ยังคะ
 เคยเจอ suggestion ต่อด้วย ว่า เรียนอันนั้นสิ จะได้รวยๆ = =

มนุษย์ย่อมเกิด Conditional learning หึหึ
Mrs.A - เรียนอะไรล่ะ
T - แพทย์คะ
Mrs.A - เก่งเนอะ,แม่จะได้สบาย,จะต่ออะไร
T ตอบให้เหมือนกันให้หมดว่า - ไม่เก่งคะ จะจบมั้ยยังไม่รู้เลยคะ *ยิ้ม*

ฟินที่สุดในสามโลก 55555

บางคนอาจจะคิดว่า เราชอบบทสนทนาเหล่านี้ - ไม่ชอบคะ
หรือสงสัยว่า ทำไมต้องคิดเยอะขนาดนี้ - ไม่ชอบอะ ไม่ชอบให้ใครมาเหมา ว่าเรามาเพราะเราอยากสบาย อยากรวย หรืออะไร เราคิดว่าเราทำอย่างอื่น เรารวยได้มากกว่านี้ ที่เราเลือกตรงนี้เพราะเราชอบวิทยาศาสตร์ เรายังไม่อยากทิ้งมันไปไหน แต่ที่เราไม่เรียนวิทยาศาสตร์ เพราะเราอยากให้ชีวิตเรามีคุณค่า ไม่ได้หมายความว่าเรียนคณะอื่นไม่มีนะ แต่คุณค่าในทัศนคติของเรา คือได้ช่วยคนหมู่มาก (รู้สึกสวยแหะที่พิมพ์ไป แต่คิดอย่างนี้จริงๆ 555 )

เขียนมาถึงตรงนี้จะบอกว่า ที่เขียนมาทั้งหมด  ได้แรงบันดาลใจจากรูปๆนั้น เราอยากให้ทุกคนรู้ว่า มนุษย์ไม่ใช่ prototype ไม่ใช่ว่าคนเรียนดีต้องเป็นหมอ เขาก็เรียนอะไรก็ได้นั่นล่ะ แล้วไม่ใช่ว่า คนเป็นครูต้องเป็นอย่างที่เราเห็น พี่พวกนั้น ที่เราเห็นเขาอาจจะไม่ได้เรียนครู เรียนครูแต่ไม่ได้เป็นครู เป็นครูแต่แยกแยะได้ เป็นครูที่แยกแยะได้แต่เป็นคนส่วนน้อย(หวังว่านะ :D) คนเรียนหมอก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเรียนหมอ ต้องบริการ หรือเรียนหมอต้องอยากรวย หรืออะไรก็ช่าง บุคคลไม่ใช่ภาพวาดของคนอื่น เขาต่างเป็นตัวของเขา ภาพวาดของเขาอาจจะไม่สวยในสายตาของเรา แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปตัดสินใครหรอกจริงมั้ย :)

P.S. พักหลังติดใจ quote เท่ๆ ของพี่ รร คนนึง เขาเป็นประธานนักเรียน ตอนนี้พี่เค้าเป็นครูล่ะ ปลื้มมม ><
P.S.2 ที่เขียนมาเหมือนจะไม่จบ แต่จบแล้วจริงๆนะ ๕๕๕
P.S.3 คำพูดบางคำ ในนี้อาจฟังแล้วระคายหู ขอโทษคะ หนูไม่สามารถเคารพใครเพราะเค้าเกิดก่อนได้จริงๆ

สวัสดีคะ :)